การบูชาเทวดานพเคราะห์ ซึ่งเป็นลัทธิประเพณี ที่นิยมทำกันอยู่นี้
ความประสงค์อันยิ่งใหญ่ คือ
ปรารถนาให้เทพยดาผู้มีมหิทธิฤทธิ์อำนาจช่วยเหลือป้องกัน
และปลดเปลื้องทุกข์ภัยพิบัติ ยังความเกษมสวัสดิ์ให้บังเกิดมี
เป็นธรรมดาของมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง เมื่อได้ประสบทุกข์เข็ญเข้าแล้ว
ก็พยายามหลีกเลี่ยง หรือแก้ไขทุกข์ภัยด้วยอุบายพิธีต่างๆ
จึงได้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยวรามิสอันวิจิตรบรรจงนาๆประการ
โดยวิธีทำให้ท่านชอบ และหวังผลตอบแทน คือ ความสุขสำราญนิราศภัย
สมเด็จพระบรมศาสดา จึงตรัสแก่มหานามลิจฉวีกษัตริย์
ดังพุทธพจน์ที่ปรากฎอยู่ในอปภิหานิยธรรมสูตรปัญจกังคุตตรนิกาย ว่า "ปุนะ
จะปะรังมหานามะ กุละปุตโตยาตา เทวตา ตา สักกะโรติ" เป็นต้น มีความว่า
ดูก่อนมหานามะ กุลบุตรผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นขัตติยราชได้มรุธาภิเศกแล้ว
หรือเป็นรัฐกาธิบดี ครอบครองแว่นแคว้นบริโภคผ่านสมบัติ
อันพระชนกประทานให้ก็ดี หรือเป็นนายแต่เสนา นายบ้าน นายกอง
แม้โดยอย่างต่ำเป็นแต่อธิบดีเฉพาะผู้เดียว ในตระกูลนั้นๆก็ดี
มาปฎิบัติเทวดาพลีสักการะเทพเจ้าเหล่าใด ซึ่งเป็นผู้รับพลีกรรม คือ
อารักขเทวดาที่รักษาตน และวัตถุเทวดาอันสถิตในที่อยู่เป็นต้น
ควรมนุษย์ชนจะบวงสรวงสักการะให้ยินดี
กุลบุตรมาสักการะบูชาเทพเจ้าทั้งหลายนั้น
อันกุลบุตรได้สักการะบูชาด้วยเทวดาพลีแล้ว
ก็ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรนั้นๆด้วยจิตเป็นกุศลไกลจากพยาบาทวิหิงสา
ทั้งเมตตาต่อกุลบุตรนั้น ว่า จีรัง ชีวะ ทีฆะ มายุง ปาเรหิ
ขอท่านจงดำรงอยู่นานเถิด จงเลี้ยงรักษาอายุให้ยืนนาน
ดูก่อนมหานามะกุลบุตรนั้น เทพเจ้าหากอนุเคราะห์ด้วยไมตรีกัลยาณจิตฉะนี้แล้ว
เร่งปรารถนาความเจริญฝ่ายเดียวเถิด ไม่พึงมีความเสื่อม
คงจะไม่มีวุฒิความเจริญโดยไม่สงสัยดังนี้
ด้วยเหตุนี้เอง
หลวงปู่สนิท จึงน้อมนำคำกล่าวของ สมเด็จพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาประกอบพิธี ตามโบราณประเพณี เพื่อให้ศาสนิกชน ได้มีกำลังใจ
ในการสร้างความดี และ เป็นกุศโลบาย ให้ได้การ ภาวนา การรักษาศีล
สร้างทานบารมี จึงเกิดผลดี จากการน้อมนำปฎิบัติ เป็นมงคลชีวิต
ความเจริญรุ่งเรือง จึงมาสู่ผู้ปฎิบัติ
......................................................................................
ข้อมูลจาก หลวงพ่อประดิษฐ์ อนุตโร รองเจ้าอาวาส วัดลำบัวลอย