พระผงเนื้อดิน พิมพ์รัศมี ปี ๒๕๐๐ "พระฉัพพรรณรังสีที่แผ่จากพระกายพระพุทธเจ้า" ฉัพพรรณรังสี คือแสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากจุดกลางเป็นรัศมี ๖ ประการ ซึ่งเปล่งออกจากพระสรีรกายของพระพุทธเจ้า คือ ๑. นีละ เขียวเหมือนดอกอัญชัน ๒. ปีตะ เหลืองเหมือนหรดาลทอง ๓. โลหิตตะ ขาวเหมือนแผ่นเงิน ๕. มัญเชฏฐะ สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่ ๖. ปภัสสระ เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก
สีทั้ง ๖ นี้ไม่ได้พุ่งออกเป็นสี ๆ ดังที่แยกไว้นี้
แต่แผ่ออกมาพร้อมกันในหนังสือปฐมสมโพธิกถา ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
กล่าวถึงพระฉัพพรรณรังสีที่แผ่ซ่านออกจากพระกายพระพุทธเจ้า ไว้ดังนี้
"ในลำดับนั้น พระฉัพพรรณรังสีก็โอภาสแผ่ออกจากพระสริรกาย
อันว่านิลประภาก็เขียวสดเสมอด้วยสีแห่งดอกอัญชัน
มิฉะนั้นดุจพื้นแห่งเมฆแลดอกนิลุบลแลปีกแห่งแมลงภู่
ผุดออกจากอังคาพยพในที่อันเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า
แลพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา
ดุจสีหรดารทองแลดอกกรรณิการ์แลกาญจนปัฏอันแผ่ไว้
พระรัศมีออกจากพระสริรประเทศในที่อันเหลืองแล้ว แล่นไปสู่ทิศานุทิศต่าง ๆ
พระรัศมีที่แดงอย่างพาลทิพากรแลแก้วประพาฬ แลกุมุทปทุมกุสุมชาติ
โอภาสออกจากพระสริรอินทรีย์ในที่อันแดงแล้วแล่นฉวัดเฉวียนไปในประเทศที่ทั้ง
ปวง พระรัศมีมีที่ขาวก็ขาวดุจดวงรัชนิกร แลแก้วมณี แลสีสังข์ แลแผ่นเงิน
แลดวงดาวพกาพฤกษ์ พุ่งออกจากพระสริรประเทศในที่อันขาวแล้วแล่นไปในทิศโดยรอบ
พระรัศมีหงสสิบาทก็พิลาสเล่ห์ดุจสีดอกเซ่ง แลดอกชบา
แลดอกหงอนไก่ออกจากรัชกายรุ่งเรืองจำรัส
พระรัศมีประภัสสรประภาครุนาดุจสีแก้วพลึกแลแก้วไพฑูริย์เลื่อมประพระฉัพพรรณ
รังสีทั้ง ๖ ประการแผ่ไพศาลแวดล้อมไปโดยรอบพระสกลกายยินทรีย์ กำหนดที่ ๑๒
ศอก โดยประมาณ อันว่าศศิสุริยประภาแลดาราก็วิกลวิการอันแสง
เศร้าสีดุจหิ่งห้อยเหือดสิ้นสูญ มิได้จำรูญไพโรจโชติชัชวาล"
รัศมีเฉกเช่นฉัพพรรณรังสีนี้มีเฉพาะพระพุทธเจ้าและเทวดาเท่านั้น
นอกจากนี้ก็เกิดแต่ธรรมชาติเช่นสีรุ้งที่เรียกกันเป็นสามัญว่ารุ้งกินน้ำ
หรือ พระจันทร์ พระอาทิตย์ทรงกลด
ที่ออกจากเทวดานั้นจะเห็นได้ดังที่พรรณนาไว้ในพระสูตรต่าง ๆ
ในเวลาที่เทวดามาเฝ้าพระพุทธเจ้าดังนี้ ในสัปดาห์ที่ 4
จากวันตรัสรู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ณ
เรือนแก้วที่เทวดาเนรมิตถวายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์
ทรงพิจารณาธรรมตลอดเวลา 7 วัน สถานที่นั้นเรียกว่า "รัตนฆรเจดีย์"
ในหนังสือพระปฐมสมโพธิกถา กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ 1 - 3 พระฉัพพรรณรังสี
(รัศมี 6 ประการ) ยังมิได้โอภาสออกจากพระวรกาย จนในสัปดาห์ที่ 4
เมื่อเสด็จประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ทรงพิจารณาในเรือนแก้วแล้ว
พระฉัพพรรณรังสีจึงโอภาสออกมาจากพระวรกาย
ด้วยเหตุนี้การอันเป็นมงคลยิ่ง ของพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลวงปู่สนิท ท่านจึงจำลอง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงสู่พระพุทธพิมพ์
เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา ดังลักษณะ ต่อไปนี้
พระพุทธรูปปางสมาธิหรือปางตรัสรู้ พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ
(นั่ง) สมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองวางหงายซ้อนกันบนเพลา (ตัก)
พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ (แข้ง) ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย
ประทัับนั่งบนฐานบัว พระฉัพพรรณรังสี แผ่รอบพระวรกาย ในปี ๒๕๐๐
ท่านจึงเริ่มดำเนิน การเตรียมดิน และ แม่พิมพ์ ในการสร้างพระพิมพ์รัศมี
นี้ขึ้นมา โดยท่านทำที่ศาลาไม้ ทางทิศตะวันออก ปัจจุบัน ได้รื้อไปหมดแล้ว
โดย หลวงปู่สนิท ท่านนำดินมงคล มาตำ ใส่ผ้าขาว เพื่อกรอง เอานวลดิน
มากดใส่แม่พิมพ์ ซึ่งพระพุทธพิมพ์ รุ่นนี้
หลวงปู่ท่านตั้งใจสร้างเป็นพิเศษ ประกอบด้วย เนื้อดิน สี แดงส้ม ดำ และ
ขาวนวล ลักษณะ ของพิมพ์ ยาวขนาด ๓.๕ เซนติเมตร กว้าง ๒.๕
เซนติเมตร หนา ๐.๕ เซนติเมตร ทรงแม่พิมพ์เป็นสี่เหลี่ยม ด้านหน้า
และด้านหลัง ไม่เท่ากัน มีลักษณะ เอียงสโลป ด้านหลัง มีรอยกระดาน
ให้เห็นชัดเจน ส่วนสีขององค์พระ เกิดจากการเผา หากองค์ไหน อยู่ใกล้เปลวไฟ
องค์พระจะมีสีดำ ส่วนองค์ไหนอยู่ไกลก็ จะเป็นสีแดง ส้ม และขาวนวล
ตามลำดับ ในการพุทธาภิเษก ท่านทำการ เสกเดี่ยว ในกุฎิท่าน
และเข้าพิธีพุทธาภิเษก ตามลำดับ โดยเพิ่ม อิทธิคุณ ด้วยน้ำว่าน ที่ท่านสะสม
มาจากที่ต่าง ๆ ตำคั้นเอาน้ำ มาประพรม องค์พระ พร้อมน้ำพระพุทธมนต์
โดยที่ท่าน ทำไปแจกไป จึงมีน้ำยางว่านติดบนองค์พระ เป็นคราบสีขาว จำนวนการสร้าง ไม่ได้ระบุไว้ น่าจะไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ องค์ พระพุทธคุณ ดั่งบารมี ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานเมตตาแก่เวไนยสัตว์
ในการพุทธาภิเษก แต่ล่ะครั้ง มีผู้พบเห็น แสงสว่างเป็นรัศมี
สีเขียวสว่างไสว อัศจรรย์ใจแก่ผู้คนที่มาร่วมพิธี
เป็นที่บอกต่อแก่ลูกหลานมาจนถึงปัจจุบัน ................................................................................................................. ข้อมูลจาก หลวงพ่อประดิษฐ์ อนุตโร และ หนังสือ เปิดตำนานสุดยอดวัตถุมงคล หลวงปู่สนิทวัดลำบัวลอย เล่ม 2 |